บทที่ 5
การเรียนรู้จากสื่อดิจิทัล (Digital
Learning)
D
: การเรียนรู้จากสื่อดิจิทัล (Digital Learning) การเรียนรู้จากสื่อดิจิทัลเป็นการเรียนรู้ผ่านเครือข่าย เช่น
เครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social networking) การแชร์ภาพ
และการใช้อินเทอร์เน็ตแบบเคลื่อนที่ เป็นต้น
การเรียนรู้จากสื่อดิจิทัลมีนัยมากกว่าการรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ
แต่ยังครอบคลุมถึงประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับเนื้อหา (content) จริยธรรม
สังคม และการสะท้อน(Reflection) ซึ่งฝังอยู่ในการเรียนรู้
การทํางาน และชีวิตประจําวัน
พระธรรมปิฎก กล่าวว่า สังคมข่าวสารข้อมูลหรือสังคมสามารถเทศโลกมีข่าวสารข้อมูลแพร่กรายกว้างขวางทั่วถึงรวดเร็วมาก ก็คิดว่าคนจะฉลาด คนจะมีปัญญา
จะเข้าสู่ยุคแห่งปัญญา
แต่ที่จริงการมีข้อมูลสารมากไม่จำเป็นองทำให้คนมีสติปัญญา
หากว่าไม่พัฒนาคมให้จักรับและใช้ข้อมูลนั้น และกล่าวสรุปไว้ว่าจำแนกคนได้เป็นสามประเภท ดังนี้
1.กลุ่มที่ตกเป็นเหยื่อ
ในกรณีที่คนไม่พัฒนาสติปัญญาอย่างถูกต้องให้สามารถเข้าถึงข้อมูลอย่างแท้จริง
และสามารถถือเอาประโยชน์จากข่าวสารข้อมูลได้ก็จะเป็นโทษอย่างมาก
ข่าวสารข้อมูลจะกลายเป็น เครื่องมือล่อเร้าและหลอกลวง ทําให้คนเป็นเหยื่อ
2. กลุ่มที่รู้เท่าทัน
คนจํานวนมากมีความภาคภูมิใจว่าตนตามทันข่าวสารข้อมูล มีข่าวสารข้อมูล
อะไรออกมาก็ตามทันหมด ปรากฏว่าตามทันเท่านั้น แต่ไม่รู้เท่าทัน
และก็ถูกกระแสข่าวสารข้อมูลท่วมทับ พัดพาไป กรณีเช่นนี้ถ้ามีปัญญารู้เท่าทัน และก็ถูกกระแสข่าวสารข้อมูลท่วมทับพัดพาไป
3. กลุ่มที่อยู่เหนือกระแส การรู้เท่าทันยังไม่พอ
ควรที่จะสามารถทําได้ดีกว่านั้นอีกคือขึ้นไปอยู่ เหนือกระแส
เป็นผู้ที่สามารถนําเอาข้อมูลข่าวสารมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างแท้จริง
คนกลุ่มนี้สามารถ จัดการกับกระแส โดยทําการเปลี่ยนแปลงในกระแสหรือนํากระแสให้เดินไปในทิศทางใหม่ที่ถูกต้อง
ศูนย์พัฒนาคุณภาพการศึกษาด้วยเทคโนโลยีการศึกษาทางไกล
สํานักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐานกระทรวงศึกษาธิการ ( http://www.dlthailand.com/thima-khxng-khorngkar
) อ้างอิงงานวิจัยของ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทยว่าสาเหตุหลักส่วนหนึ่ง
ของปัญหา คุณภาพการศึกษาไทย คือ การที่
ระบบการศึกษาของไทยในปัจจุบันเป็นระบบที่ไม่เอื้อต่อการสร้าง ความรับผิดชอบ (Accountability)
หลักสูตรและตําราเรียนของไทยไม่สอดคล้องกับ การพัฒนาทักษะแห่ง
ศตวรรษที่ 21 (21st Century Skills) ซึ่งมีผลทําให้การเรียนการสอน
ตลอดไปจนถึงการทดสอบยังคงเน้น การจดจําเนื้อหามากกว่าการเรียนเพื่อให้
มีความรู้ความเข้าใจอย่างแท้จริง อีกทั้งสภาพการจัดการศึกษาของ
ประเทศไทยในปัจจุบัน กําลังประสบปัญหาในด้านคุณภาพของนักเรียน ปรากฏอยู่ในหลายพื้นที่ ซึ่งมีสาเหตุจาก
การขาดครูหรือครูไม่ครบชั้นไม่
การเรียนรู้ครูมีประสบการณ์หรือทักษะการจัดการเรียนรู้น้อย ขาดสื่อ
อุปกรณ์ที่ทันสมัยและการเข้าถึงได้ลำบาก ครูมีเวลาในการจัดการเรียนการสอนน้อย
กิจกรรมของโรงเรียนมีมาก ทรัพยากรที่มีกระจัด ไม่สามารถนํามาใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่า
และการแก้ปัญหาต่างๆก็ทําได้ในวงจํากัด
กระทรวงศึกษาธิการได้จัดทํา
โครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษาโดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมี กิจกรรมหลัก
คือการพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้วยเทคโนโลยีการศึกษาทางไกลโดยแบ่งเป็น 2 กิจกรรมย่อย
คือ การพัฒนาคุณภาพการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (DLTV) และ
การพัฒนาคุณภาพการศึกษาทางไกล ผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ (DLIT) การพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้วยเทคโนโลยีทางไกล
(Distance Learning) เป็นการจัดการศึกษาที่ใช้เทคโนโลยี
ในการจัดการเรียนการสอนในทุกห้องเรียน แก้ปัญหาการ ขาดแคลนครูในโรงเรียนขนาดเล็ก
ครูสามารถจัดการเรียนรู้ในทุกสาระได้อย่างมีประสิทธิภาพ นักเรียนและ ครได้เข้าถึง
สื่อเทคโนโลยีที่ทันสมัย นักเรียนและครูมีเครือข่ายในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
และทุกภาคส่วนเข้า มามีส่วนร่วม ในการจัดการศึกษา การนําเทคโนโลยีการศึกษาทางไกล (Distance
Learning) มายกระดับ คุณภาพการศึกษา เป็น 2 รูปแบบ ได้แก่
การจัดการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (Distance Learning Television : DLTV) และการจัดการศึกษาทางไกลผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ (Distance Learning
via Information Technology : DLIT) มาดําเนินงานโดยเร่งด่วนเพื่อแก้ปัญหาคุณภาพการศึกษา
โดยมีการจัด สภาพการสนับสนุนการจัดการเรียนการสอน ของครูอย่างครบถ้วน
ทั้งกระบวนการออกแบบกิจกรรมการ เรียนการสอนที่เน้น กระบวนการสร้างความรู้
จากการลงมือปฏิบัติ เนื้อหา ตลอดจนสื่อและอุปกรณ์ที่จําเป็น ในการจัดเรียนการสอน
อันจะเป็นการลดความเหลื่อมล้ําทางการศึกษา ลดช่องว่างและเพิ่มโอกาสในการ
เข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพให้กับ ประชาชนไทยทุกคน
อันเป็นการดําเนินการตามรอยเบื้องพระยุคลบาท
และสนองพระราชดําริในการที่จะพัฒนาการศึกษาไทยให้เจริญก้าวหน้า
เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ
(การศึกษาจะถูกเปลี่ยนในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล บทความไอที 24 ชั่วโมง วันที่: 25
พฤศจิกายน 2016) ได้เสนอบทความเรื่อง การศึกษาจะถูกเปลี่ยนในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล
สรุปความว่า
เทคโนโลยีที่โดดเด่นที่กําลังทําให้สิ่งของทุกสรรพสิ่งบนโลกสามารถเชื่อมต่อกันได้
นั้นคือ Internet
of Everything (IoE) IoE จะสร้างสภาพแวดล้อมแห่งการเรียนรู้
ที่มีการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เรียนและผู้สอน มากกว่าในอดีตที่ผ่านมา เช่น
นักศึกษาที่อาศัยอยู่ในลอนดอนสามารถร่วมรับฟังการบรรยายจาก
สถาบันการศึกษาในสหรัฐอเมริกาได้
โดยอาศัยอุปกรณ์สื่อสารที่ทําให้ระยะทางไม่เป็นอุปสรรคในการเรียน
โดยข้อมูลการเรียนรู้และข้อมูลทั้งหมดจะพร้อมให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดได้ตลอดเวลาข้อมูล
และสื่อการสอนต่างๆ ที่มีอยู่จะถูกนํามาใช้ร่วมกันในรูปแบบใหม่
ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่จะส่งผลกระทบต่อ “วิธีการ” และ “สถานที่ ที่ใช้ในการเรียนรู้
ดังนั้นผู้เรียนจะต้องเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ต้องการเรียนรู้เศรษฐกิจ
ที่เฟื่องฟูทําให้ IoE มีความจําเป็นมากกว่าทักษะและจํานวนของผู้เชี่ยวชาญ
อีกทั้งการเชื่อมต่อที่เกิดขึ้น โดยIoE จะทําให้อุปกรณ์สามารถนํามาใช้ประเมินประสิทธิภาพของผู้เรียน
สามารถออกแบบแบบฝึกหัดหรือ แบบทดสอบเพื่อทดสอบจุดอ่อนและจุดแข็งของผู้เรียน
และผู้เรียนสามารถประเมินศักยภาพได้ด้วยตัวเอง นอกจากนี้ IoE ยังสามารถเปลี่ยนวิธีการเรียนรู้ของผู้มีความบกพร่องทางร่างกายและทางสติปัญญา
เช่น ใน ประเทศออสเตรเลีย
นําเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ไปใช้ในโรงเรียนสอนผู้มีความบกพร่องทางร่างกาย โดย
เซ็นเซอร์จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการเรียนรู้ภาษามือของผู้เรียน
และใช้ในการปรับปรุงการเรียนรู้สําหรับ ผู้เรียนสมาธิสั้น
โดยการตรวจเช็คการทํางานของสมองและการให้รางวัลสําหรับผู้เรียนที่มีพัฒนาการเรียนที่ดี
คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ
สํานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา ข่าว ประชาสัมพันธ์ วันที่ 4 พฤษภาคม 2561)
ได้นําเสนอ Digital
Learning Platform แนวทางการจัดการเรียนการ
สอนผ่านระบบออนไลน์และการใช้สื่อดิจิทัลเพื่อการปฏิรูปการศึกษา ณ
สํานักงานเลขาธิการสภาการศึกษา สรุปได้ว่า ในเรื่องของการศึกษา
สิ่งแรกที่ต้องกระทําคือปรับกระบวนทัศน์ (Paradigm) ให้ชัดเจน
ชัยชนะจะ เกิดขึ้นได้อยู่ที่ Big data ซึ่ง Big data ในที่นี้ความหมายที่ถูกต้องคือ ข้อมูลที่เอามาวิเคราะห์และเอาไปใช้
ประโยชน์ในการบริหารได้โดยสะดวก
ไม่ใช่หมายถึงข้อมูลจํานวนมากที่จัดเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์แม่ ข่าย นอกจาก Big
data แล้ว จิตวิทยาในการจัดการศึกษาเป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้
ต้องออกแบบในสิ่งที่ผู้เรียน อยากเรียน ไม่ใช่ออกแบบอย่างที่เราต้องการ
ต้องสร้างความเข้มแข็งจากภายใน เพราะที่ผ่านมาไม่ค่อยให้ ความสนใจกับผู้ใช้ (User)
และผู้เรียน (Learner) กระทรวงศึกษาธิการต้องตั้งโจทย์ว่าผู้เรียนอยากรู้อะไรที่ไม่
เคยรู้และไม่เคยคิดว่าจะมีทางทําได้ ประเทศไทยกําลังเข้าสู่การเปลี่ยนผ่านสําคัญ 5
ด้าน ได้แก่
1) Digital Infrastructure การวางระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล ซึ่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อ
เศรษฐกิจและสังคมได้ดําเนินการโครงการเน็ตประชารัฐเข้าถึงพื้นที่ระดับชุมชน
2) คนกับดิจิทัล ต้องมีการสร้างคนในระดับต่างๆ
การศึกษาต้องจับคู่กับความต้องการของด้าน แรงงานให้เหมาะสม
ว่ามีความต้องการคนทํางานที่มีคุณสมบัติอย่างไร และด้านใดบ้าง เพราะจะเห็นได้ว่าใน
บางธุรกิจเช่นธุรกิจธนาคาร หรือบางอุตสาหกรรม คนเริ่มถูก AI เข้ามาแทนที่แล้ว
3) Big Data ในภาครัฐ
ต้องมีการบูรณาการข้อมูลระหว่างกระทรวงเพื่อนํามาวิเคราะ" ออกแบบ
และวางแผนทางด้านนโยบายต่างๆ เช่น
การเชื่อมโยงข้อมูลการผลิตกําลังคนในระบบการศึกษา
ตอบโจทย์ความต้องการแรงงานในภาคอุตสาหกรรม เป็นต้น
4) Cyber Security ต้องให้ความสําคัญกับความปลอดภัยของระบบสารสนเทศ
5) Internet of Things (IOT) มหาวิทยาลัยต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยี IOT
อติพร
เกิดเรือง (2560) ได้เสนอผลการศึกษาเรื่อง การส่งเสริมการเรียนรู้ในศตวรรษที่21
รองรับสัคมไทยในยุคดิจิทล สรุปดังนี้ 1.
การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เพื่อรองรับในยุคดิจิทัล มี 4 องค์ประกอบหลัก คือ 1)
การเรียนรู้เกี่ยวกับดิจิทัล 2)การคิดสร้างสรรค์ 3) การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
และ 4) ผลิตภาพที่มีคุณภาพสูง 2. การเรียนรู้จากยุคเดิมสู่ยุค
ดิจิทัล ต้องจัดการเรียนรู้ ที่คํานึงถึงความสัมพันธ์ระหว่างการเรียน การทํางาน
และการดํารงชีวิต เน้นการ จัดการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ส่งเสริมการค้นคว้าด้วยตนเองโดยนําเทคโนโลยีเข้ามาช่วยใน การจัดการเรียนรู้ให้
มากที่สุด ผู้สอนเป็นผู้ชี้แนะแนวทางในการเรียนรู้ตามหลักสูตร
และการวัดผลและประเมินผลพัฒนาการ มากกว่าการวัดผลสัมฤทธิ์ 3. การจัดการศึกษาในยุคดิจิทัล
ต้องคํานึงถึงการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง เน้นการสร้างสรรค์ปรับแต่ง
การเรียนรู้การคิดเชิงวิพากษ์และการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน เน้นการใช้เครือข่าย
ออนไลน์ การจัดการเรียนรู้สร้างสถานการณ์ จําลองให้ผู้เรียนพบประสบการณ์จริง
เนื้อหาการเรียนรู้ควรมี การแลกเปลี่ยนเรียนรู้บนเครือข่ายออนไลน์
สามารถสร้างองค์ความรู้ แบ่งปันความรู้และเนื้อหาผ่านเครือข่าย
ออนไลน์และส่งเสริมความรู้ในโลกแห่งการทํางานมากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น