วิธีการสอนแบบวิทยาศาสตร์
การสอนแบบวิทยาศาสตร์ (Scientific
Method)
ความหมาย วิธีสอนแบบแก้ปัญหา เป็นวิธีสอนที่ให้ผู้เรียนคิดแก้ปัญหา
โดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ (Scientific
Nehod) ซึ่งเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่มีขั้นตอน มีเหตุผล
มีการรวบรวมข้อมูล มีการทดลอง วิเคราะห์ข้อมูล และสรุปผล
1. ความหมายของการสอนแบบแก้ปัญหา
1.
มุ่งฝึกทักษะการสังเกต
การเก็บข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล ตีความ และสรุป
2.
มุ่งฝึกทักษะการคิดแก้ปัญหาแบบวิทยาศาสตร์
อันเป็นวิธีที่มีเหตุผล
ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อการที่ผู้เรียนจะนำวิธีการไปใช้แก็ปัญหาที่พบในชีวิตประจำวันได้
3.
มุ่งฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์พิจารณาหาเหตุผล
และความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
4.
มุ่งฝึกความเชื่อมั่นในตัวเอง
มีความคิดอิสระและการทำงานร่วมกลุ่มกับเพื่อน
2. ขั้นตอนการสอนของการสอนแบบแก้ปัญหา
1. ขั้นเตรียม
1.1 ผู้สอนศึกษาแผนการสอน
เนื้อหา และจุดประสงค์การสอนอย่างละเอียด
1.2 ผู้สอนวางแผนกำหนดกิจกรรมที่จะให้ผู้เรียนปฏิบัติเป็นขั้นตอนตามลำดับ
2.ขั้นดำเนินการสอน
2.1 ขั้นกำหนดขอบเขตของปัญหา เป็นขั้นที่ให้ผู้เรียนมองเห็นปัญหา และกำหนดของเขตของปัญหา
ผู้สอนอาจใช้วิธีเล่าเรื่อง สร้างสถานการณ์จำลอง อภิปราย ศึกษากรณี เฉพาะราย ฯลฯ
เพื่อให้ผู้เรียนได้เห็นปัญหานั้น ถ้ามีหลายปัญหาอาจแยกเป็นข้อๆ ได้
ดังนั้นบทบาทของผู้สอนในขั้นนี้คือ
1)นำทางให้ผู้เรียนเห็นปัญหา
2) จัดสิ่งแวดล้อมให้ผู้เรียนเข้าใจปัญหา
2) จัดสิ่งแวดล้อมให้ผู้เรียนเข้าใจปัญหา
3)ช่วยตั้งจุดมุ่งหมายในการแก้ปัญหาให้ทุกคนเข้าใจได้ตรงกัน
2.2 ขั้นตั้งสมมุติฐาน
เป็นขั้นวางแนวทางที่จะหาคำตอบของปัญหา โดยให้ผู้เรียน
ตั้งสมมุติฐานว่า
ปัญหานั้นน่าจะมีสาเหตุมาจากอะไร
หรือวิธีการแก้ปัญหานั้นน่าจะแก้ไขได้โดยวิธีใดบ้าง บทบาทของผู้สอนในขั้นนี้ คือ
1) ช่วยผู้เรียนวางแผนจะแก้ปัญหาได้โดยวิธีใดบ้าง
2) แบ่งผู้เรียนเป็นกลุ่มรับผิดชอบงานตามความสามารถและความสนใจ
2.3 ขั้นรวบรวมข้อมูล เป็นขั้นที่ผู้เรียนศึกษาหาความรู้จากแหล่งต่างๆ เพื่อเป็นข้อ
มูลใช้ในการแก้ปัญหา
โดยอาจค้นคว้าจากตำรา เอกสารต่างๆ จากการสัมภาษณ์ ซักถามผู้เชี่ยวชาญ
ฯลฯ แล้วจดบันทึกข้อมูลไว้ บทบาทของผู้สอนในขั้นนี้คือ
1) แนะนำแหล่งความรู้เพื่อค้นคว้าหาข้อมูล
2) ติดต่อบุคคลที่เป็นผู้เชี่ยวชาญล่วงหน้าเพื่อให้สัมภาษณ์แก่ผู้เรียน
2.4 ขั้นทดลองและวิเคราะห์ข้อมูล เป็นขั้นที่ผู้เรียนนำข้อมูลมาพิจารณาโดยเริ่ม
จากการทดลองปฏิบัติดู
และนำผลจากการทดลองวิเคราะห์ว่าวิธีใดใช้ได้ผลในการแก้ปัญหาอาจใช้ได้หลายวิธีแตกต่างกันไป
บทบาทของผู้สอนในขั้นนี้คือ
1) สังเกตการทดลองหรือวิธีการแก้ปัญหาของผู้เรียน
และให้คำแนะนำเมื่อจำเป็น
2) อำนวยความสะดวกด้านวัสดุอุปกรณ์
และสิ่งจำเป็นต่างๆ ที่ผู้เรียนต้องการใช้ในการทดลองและการวิเคราะห์ข้อมูล
2.5 ขั้นประเมินและสรุปผล เป็นขั้นสุดท้ายของลำดับขั้นสอน เมื่อผู้เรียนได้ทำ
การทดลองและวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากขั้นที่
2.4
แล้ว ผู้เรียนย่อมสามารถประเมินผลวิธีการแก้ปัญหาและสรุปได้ว่า
วิธีการใดได้ผลดีที่สุดในการแก้ปัญหานั้น บทบาทของผู้สอนในขั้นนี้คือ
1) ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มรายงานวิธีการแก้ปัญหาตั้งแต่ขั้นที่
1 จนถึงขั้น ที่ 5
3. ขั้นประเมินผล
3. ขั้นประเมินผล
ผู้สอนประเมินผลการทำงานของผู้เรียน
แล้วแจ้ให้ผู้เรียนทราบข้อดีและข้อบกพร่องเพื่อปรับปรุงแก้ไขต่อไป
3. เทคนิคในการสอนแบบแก้ปัญหา
การนำวิธีสอนแบบแก้ปัญหาไปใช้
ผู้สอนควรคำนึงถึงข้อต่อไปนี้
1.
ปัญหาที่นำมาให้ผู้เรียนศึกษา
ควรเป็นปัญหาที่น่าสนใจ เหมาะสมกับวัยประสบการณ์ของผู้เรียน
และเป็นประโยชน์ต่อผู้เรียน เช่น ปัญหาความไม่สะอาดของห้องเรียน
ปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ ปัญหาสุขภาพ ปัญหาการเรียน ปัญหาอุบัติเหตุ ฯลฯ
2.
ถ้าผู้เรียนยังไม่เห็นปัญหา
ผู้สอนควรใช้เทคนิคชี้นำให้ผู้เรียนคิดและมองเห็นปัญหา เช่น เทคนิคการถามคำถาม
การเล่าเรื่อง การยกตัวอย่าง ฯลฯ
3.
ผู้สอนควรเตรียมเนื้อหา
แหล่งค้นคว้าหาข้อมูล
ตลอดจนวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลไว้ล่วงหน้า
4.
ในการสอนต้องให้เวลาและอิสระแก่ผู้เรียนในการศึกษาค้นคว้า
การวิเคราะห์และการสรุปผลข้อมูล
5.
ผู้สอนควรควบคุมในการแก้ปัญหาของกลุ่มหรือรายบุคคลดำเนินไปด้วยดี
และส่งเสริมให้ผู้เรียนมีกำลังใจในการแก้ปัญหา
ข้อดีและข้อจำกัดของวิธีสอนแบบแก้ปัญหา
ข้อดี
1.
ผู้เรียนได้ฝึกวิธีการแก้ปัญหาอย่างมีเหตุผล
ฝึกการวิเคราะห์และการตัดสินใจ
2.
ผู้เรียนได้ฝึกการค้นคว้าหาข้อมูลจากแหล่งความรู้ต่างๆ
3.
เป็นการฝึกการทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม
และฝึกความรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย
4.
ประสบการณ์ที่ผู้เรียนได้รับจากการฝึกแก้ปัญหา
จะมีประโยชน์ในการนำไปใช้ในชีวิตจริงทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ข้อจำกัด
1.
ผู้เรียนต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่กำหนดไว้
ถ้าผิดไปจะทำให้ได้ผลสรุปที่คลาดเคลื่อนหรือผิดความจริงไป
2.
ผู้เรียนจะต้องมีทักษะในการค้นคว้าหาข้อมูล
จึงจะสรุปผลได้ดี
3.
ถ้าผู้สอนไม่คุ้นเคยกับวิธีการทางวิทยาศาสตร์
อาจนำไปผิดทางได้
4.
การกำหนดปัญหา
ถ้าเลือกปัญหาไม่ดีจะทำให้การเรียนการสอนไม่ได้ผลเท่าที่ควร
ข้อสังเกตของวิธีสอนแบบวิทยาศาสตร์
1. ปัญหาที่นำมาใช้ต้องเป็นปัญหาที่เกิดจากนักเรียน ไม่ใช่เป็นปัญหาที่ครูกำหนด
2. ครูต้องยึดมั่นในบทบาทของตนในการทำหน้าที่ให้แนวทางในการคิดแก้ปัญหา ไม่ใช่เป็นผู้ชี้นำความคิดของนักเรียน
1. ปัญหาที่นำมาใช้ต้องเป็นปัญหาที่เกิดจากนักเรียน ไม่ใช่เป็นปัญหาที่ครูกำหนด
2. ครูต้องยึดมั่นในบทบาทของตนในการทำหน้าที่ให้แนวทางในการคิดแก้ปัญหา ไม่ใช่เป็นผู้ชี้นำความคิดของนักเรียน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น