พหุปัญญา :
วิถีการเรียนรู้ที่แตกต่าง
เด็กแต่ละคนมีวิธีการเรียนรู้ที่แตกต่างกัน เปรียบเหมือนสายรุ้งที่หลากสี
บุคคลจึงมีหลากหลาย รสนิยม
มีความแตกต่างของบุคลิกภาพ ครู พ่อแม่และผู้ปกครองต้องสำเหนียกตระหนักและมองเห็นคุณค่าของความแตกต่างเพื่อการค้นหาให้พบว่า
เด็กมีลักษณะการเรียนรู้หรือความสามารถที่จะเรียนรู้ในทางใด
เพื่อจะได้ดำเนินกิจกรรมการพัฒนาเด็กให้เต็มตามศักยภาพและได้ใช้ความสามารถได้สูงสุด
ดร. โฮเวิร์ด การ์ดเนอร์ (Howard Gardner) แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ก่อตั้งทฤษฎีพหุปัญญา (Theory of
Multiple Intelligences) ให้คำจำกัดความของคำว่า “ปัญญา” ไว้ดังนี้
“ปัญญา
คือความสามารถที่จะค้นหาและแก้ปัญหาและสร้างผลผลิตที่มีคุณค่าเป็นที่ยอมรับในสังคม”
ลักษณะสำคัญของทฤษฎีพหุปัญญา
1.
มนุษย์มีความสามารถทางปัญญาแบ่งออกได้อย่างน้อย 8 ด้าน
2.
จากการศึกษาเรื่องสมองปัญญามีลักษณะเฉพาะด้าน
3. คนทุกคนมีสติปัญญาทั้ง 8
ด้านที่อาจจะมากน้อยแตกต่างกันไป บางคนอาจจะสูงทุกด้าน
บางคนอาจจะสูงเพียงด้าน หรือสองด้าน
ส่วนด้านอื่น ๆ ปานกลาง
4.
ทุกคนสามารถพัฒนาปัญญาแต่ละด้านให้สูงขึ้นถึงระดับใช้การได้ถ้ามีการฝึกฝนที่ดี
มีการให้กำลังใจที่เหมาะสม ในสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้
5. ปัญญาด้านต่าง ๆ สามารถทำงานร่วมกันได้
เช่นในการดำรงชีวิตประจำวันเราอาจต้องใช้ปัญญาในด้านภาษาในการพูด อ่าน เขียน
ปัญญาด้านคิดคำนวณ ในการคิดเงินทอง ปัญญาด้านมนุษย์
สัมพันธ์ในการพบปะเข้าสังคมทำให้ตนเองมีความสุขด้วยการใช้ปัญญาด้านการเข้าใจตนเอง
6. ปัญญาแต่ละด้านจะมีความสามารถในหลาย ๆ ทาง
ยกตัวอย่างเช่นคนที่อ่านหนังสือไม่ออกก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีปัญญาทางภาษา
แต่เขาอาจจะเป็นคนเล่าเรื่องที่เก่งหรือพูดได้น่าฟัง
ความสามารถทางปัญญาของมนุษย์ตามทฤษฎีพหุปัญญา
แบ่งออกเป็น 8 ด้าน ได้แก่
1. ปัญญาด้านภาษา (Linguistic Intelligence)
2. ปัญญาด้านตรรกะและคณิตศาสตร์ (Logical – Mathmatical Intelligence)
3. ปัญญาด้านมิติสัมพันธ์ (Visual – Spatial
Intelligence)
4. ปัญญาด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว (Bodily – Kinesthetic
Intelligence)
5. ปัญญาด้านดนตรี (Musical Intelligence)
6. ปัญญาด้านมนุษย์สัมพันธ์ (Interpersonal Intelligence)
7. ปัญญาด้านความเข้าใจตนเอง (Intrapersonal Intelligence)
8. ปัญญาด้านธรรมชาติวิทยา (Naturalist Intelligence)
บุคคลมีลักษณะการเรียนรู้ตามทฤษฎีพหุปัญญาในแต่ละด้านแตกต่างกันออกไป
ต่อไปนี้เป็นการบรรยายลักษณะของบุคคลที่มีจุดเด่นหรือมีความสามารถทางปัญญาด้านต่าง
ๆ ดังนี้
1. ปัญญาด้านภาษา (Linguistic Intelligence)
- มีนิสัยรักการอ่าน ติดหนังสือ ชอบเขียน
ชอบพูด สามารถเล่าเรื่องต่าง ๆ ได้ดี
-
มักจะได้ยินเสียงของคำก้องอยู่ในหูก่อนที่จะได้อ่าน พูด หรือเขียน
- จำชื่อสถานที่ เรื่องราว
รายละเอียดต่าง ๆ ได้ดี
- เจ้าบทเจ้ากลอน มีอารมณ์ขัน ตลก
ชอบเล่นปริศนา คำทาย
- ชอบพูดเล่นคำ สำนวน คำผวน คำพ้อง
- ชอบเรียนวิชาภาษาไทย ภาษาต่างประเทศ
ประวัติศาสตร์ มากกว่าคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาความสามารถ
- จัดกิจกรรมให้ได้รับประสบการณ์ตรง
เพื่อนำมาเขียนเรื่องราว
- จัดกิจกรรมให้ได้พูด ได้อ่าน ได้ฟัง
ได้เห็น ได้เขียนเรื่องราวที่สนใจ เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้
- ครูควรรับฟังความคิดเห็น คำถาม
และตอบคำถามด้วยความเต็มใจ กระตือรือร้น
- จัดเตรียมหนังสือ
สื่อการเรียนการสอนเพื่อการค้นคว้าที่หลากหลาย เช่น เทปเสียง วิดีทัศน์
จัดเตรียมกระดาษเพื่อการเขียน อุปกรณ์การเขียนให้พร้อม
- ยุทธศาสตร์ในการสอนคือ ให้อ่าน
ให้เขียน ให้พูด และให้ฟังเรื่องราวต่าง ๆ ที่นักเรียนสนใจ
อภิปรายแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับผู้อื่น
ผู้ที่มีความสามารถทางด้านนี้มีความเหมาะสมที่จะประกอบอาชีพเป็น
นักพูด นักเล่านิทาน นักการเมือง กวี นักเขียน บรรณาธิการ นักหนังสือพิมพ์
ครูสอนภาษา เป็นต้น
2. ปัญญาด้านตรรกะและคณิตศาสตร์ (Logical – Mathmatical Intelligence)
- ชอบทดลองแก้ปัญหา
สนุกที่ได้ทำงานกับตัวเลข หรือเกมคิดเลข การคิดเลขในใจ เป็นต้น
- ชอบและมีทักษะในการใช้เหตุผล
การซักถามปัญหาให้คิดเชิงเหตุผล
- ชอบทำตามสั่ง
ทำอะไรที่เป็นระบบระเบียบตามลำดับขั้นตอนที่ชัดเจน
-
สนใจข่าวคราวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ และวิทยาการต่าง ๆ
-
ชอบค้นหาเหตุผลมาหักล้างหรือวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของผู้อื่น
- เชื่อถือเฉพาะแต่สิ่งที่อธิบายได้
มีเหตุผลเพียงพอ
- ชอบเรียนวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาความสามารถ
- ให้มีโอกาสได้ทดลอง
หรือทำอะไรด้วยตนเอง
- ส่งเสริมให้ทำงานสร้างสรรค์
งานศิลปที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์
- ให้เล่นเกมที่ฝึกทักษะคณิตศาสตร์ เช่น
เกมไพ่ เกมตัวเลข ปริศนาตัวเลข ฯลฯ
- ให้ช่วยทำงานบ้าน งานประดิษฐ์ ตกแต่ง
- ฝึกการใช้เหตุผล การแก้ปัญหา
การศึกษาด้วยโครงงานในเรื่องที่นักเรียนสนใจ
- ฝึกฝนทักษะการใช้เครื่องคิดเลข เครื่องคำนวณ
เครื่องคอมพิวเตอร์ ฯลฯ
-
ยุทธศาสตร์ในการสอนคือให้ฝึกคิดแบบมีวิจารณญาณ วิพากษ์ วิจารณ์
ฝึกกระบวนการสร้างความคิดรวบยอด การชั่ง ตวง วัด การคิดในใจ การคิดเลขเร็ว ฯลฯ
ผู้ที่มีความสามารถทางด้านนี้มีความเหมาะสมที่จะประกอบอาชีพเป็นนักบัญชี
นักคณิตศาสตร์ นักตรรกศาสตร์ โปรแกรมเมอร์ นักวิทยาศาสตร์ ครู-อาจารย์ เป็นต้น
3. ปัญญาด้านมิติสัมพันธ์ (Visual – Spatial
Intelligence)
- ชอบวาดเขียน มีความสามารถทางศิลป
- ชอบฝันกลางวัน
ชอบหลับตาคิดถึงภาพในความคิด จินตนาการ
- ชอบวาดภาพ ขีดเขียนสิ่งต่าง ๆ ลงในกระดาษ
สมุดจดงาน
- ชอบอ่านแผนที่ แผนภูมิต่าง ๆ
-
ชอบบันทึกเรื่องราวไว้ในภาพถ่ายหรือภาพวาด
- ชอบเล่นเกมต่อภาพ (Jigsaw Puzzles) เกมจับผิดภาพ หรือเกมที่เกี่ยวกับภาพ
- ชอบเรียนวิชาศิลปศึกษา เรขาคณิต
พีชคณิต
-
ชอบวาดภาพในลักษณะมุมมองที่แตกต่างออกไปจากธรรมดา
-
ชอบดูหนังสือที่มีภาพประกอบมากกว่าหนังสือที่มีแต่ข้อความ
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาความสามารถ
- ให้ทำงานศิลป งานประดิษฐ์
เพื่อเปิดโอกาสให้คิดได้อย่างอิสระ
- พาไปชมนิทรรศการศิลป พิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ
- ฝึกให้ใช้กล้องถ่ายภาพ การวาดภาพ
สเก็ตซ์ภาพ
- จัดเตรียมอุปกรณ์การวาดภาพให้พร้อม
จัดสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการทำงานด้านศิลป
- ฝึกให้เล่นเกมปริศนาอักษรไขว้
เกมตัวเลข เกมที่ต้องแก้ปัญหา
- เรียนได้ดีหากได้ใช้จินตนาการ
หรือความคิดที่อิสระ ชอบเรียนด้วยการได้เห็นภาพ การดู การรับรู้ทางตา
- ฝึกให้ใช้หรือเขียนแผนที่ความคิด (Mind Mapping) การใช้จินตนาการ
- ให้เล่นเกมเกี่ยวกับภาพ เกมตัวต่อเลโก้
เกมจับผิดภาพ ฯลฯ
- ยุทธศาสตร์ในการสอนคือการให้ดู ให้วาด
ให้ระบายสี ให้คิดจินตนาการ
ผู้ที่มีความสามารถทางด้านนี้มีความเหมาะสมที่จะประกอบอาชีพเป็นศิลปิน
สถาปนิก มัณฑนากร นักประดิษฐ์ ฯลฯ
4. ปัญญาด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว (Bodily – Kinesthetic
Intelligence)
- ชอบการเคลื่อนไหว ไม่อยู่นิ่ง
ชอบสัมผัสผู้อื่นเมื่อพูดคุยด้วย
- เป็นนักกีฬา กระตือรือร้น ชอบเต้นรำ
เล่นละคร หรือบทบาทสมมุติ
- ชอบทำอะไรด้วยตนเองมากกว่าจะให้คนอื่นทำให้ตน
- ขอบทำมือประกอบท่าทางขณะพูดคุย
- ชอบพูดคุยเสียงดัง เอะอะตึงตัง
ชอบเล่นหกคะเมนตีลังกากับเพื่อน
- ชอบเล่นเครื่องเล่นที่โลดโผน หวาดเสียว
เช่น ชิงช้าสวรรค์ ม้าหมุน รถไฟเหาะตีลังกา ฯลฯ
- ชอบเรียนวิชาพลศึกษา งานประดิษฐ์
ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง
-
ชอบลงมือกระทำจริงมากกว่าการอ่านคู่มือแนะนำหรือดูวิดีโอแนะนำ
- ชอบคิดหรือใช้ความคิดขณะออกกำลังกาย
เดิน วิ่ง
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาความสามารถ
- เรียนรู้ได้ด้วยการสัมผัส จับต้อง
การเคลื่อนไหวร่างกาย และการปฏิบัติจริง
- สนับสนุนให้เล่นกีฬา การแสดง เต้นรำ
การเคลื่อนไหวร่างกาย
-
จัดกิจกรรมให้นักเรียนได้รับประสบการณ์ตรง หรือได้ปฏิบัติจริง
- ให้เล่นเกม เดิน วิ่ง
หรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้การเคลื่อนไหวร่างกาย
- ให้เล่นหรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง กีฬา
การเคลื่อนไหวประกอบจังหวะ
-
ยุทธศาสตร์ในการสอนคือการให้นักเรียนปฏิบัติจริง ลงมือทำจริง ได้สัมผัส
เคลื่อนไหว ใช้ประสาทสัมผัสในการเรียนรู้ และการเรียนผ่านการแสดงบทบาทสมมุติ
แสดงละคร
ผู้ที่มีความสามารถทางด้านนี้มีความเหมาะสมที่จะประกอบอาชีพเป็นนักแสดง
นักกีฬา นาฏกร นักฟ้อนรำ นักประดิษฐ์ นักปั้น ช่างซ่อมรถยนต์ ศัลยแพทย์ เป็นต้น
5. ปัญญาด้านดนตรี (Musical Intelligence)
- ชอบร้องรำทำเพลง เล่นดนตรี
- ชอบเสียงต่าง ๆ ชอบธรรมชาติ
- แยกแยะเสียงต่าง ๆ ได้ดี
รู้จักท่วงทำนอง เรียนรู้จังหวะดนตรีได้ดี
- ชอบผิวปาก ฮัมเพลงเบา ๆ ขณะทำงาน
- มักจะเคาะโต๊ะ
หรือขยับเท้าตามจังหวะเมื่อฟังเพลง
- สามารถจดจำเสียงที่เคยได้ยินแม้เพียงครั้งเดียวหรือสองครั้งได้
- เล่นเครื่องดนตรีได้อย่างน้อย 1 ชิ้น
-
มักจะได้ยินเสียงเพลงจากภาพยนตร์โฆษณาทางโทรทัศน์หรือวิทยุก้องอยู่ในหูตลอดเวลา
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาความสามารถ
- ให้เล่นเครื่องดนตรี ร้องเพลง
ฟังเพลงสม่ำเสมอ
- หาโอกาสดูการแสดงดนตรี
หรือฟังดนตรีเป็นประจำ
-
บันทึกเสียงดนตรีที่นักเรียนแสดงไว้ฟังเพื่อปรับปรุงหรือชื่นชมผลงาน
-
ให้ร้องรำทำเพลงร่วมกับเพื่อนหรือคุณครูเสมอ ๆ
-
ยุทธศาสตร์ในการสอนได้แก่ปฏิบัติการร้องเพลง การเคาะจังหวะ การฟังเพลง
การเล่นดนตรี การวิเคราะห์ดนตรี วิจารณ์ดนตรี เป็นต้น
ผู้ที่มีความสามารถทางด้านนี้มีความเหมาะสมที่จะประกอบอาชีพเป็นนักดนตรี
นักแต่งเพลง
นักวิจารณ์ดนตรี เป็นต้น
6. ปัญญาด้านมนุษย์สัมพันธ์ (Interpersonal Intelligence)
- ชอบมีเพื่อน
ชอบพบปะผู้คนร่วมสังสรรค์กับผู้อื่น
- ชอบเป็นผู้นำ หรือมีส่วนร่วมในกลุ่ม
- ชอบแสดงออกให้ผู้อื่นทำตาม
ช่วยเหลือผู้อื่น ทำงานหรือประสานงานกับผู้อื่นได้ดี
- ชอบพูดชักจูงให้ผู้อื่นทำมากกว่าจะลงมือทำด้วยตนเอง
- เข้าใจผู้อื่นได้ดี
สามารถอ่านกิริยาท่าทางของผู้อื่นได้
- มักจะมีเพื่อนสนิทหลายคน
- ชอบสังคม
อยู่ร่วมกับผู้อื่นมากกว่าจะอยู่คนเดียวที่บ้านในวันหยุด
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาความสามารถ
- จัดกิจกรรมให้นักเรียนได้เข้ากลุ่ม
ทำงานร่วมกัน
- ส่งเสริมให้อภิปราย เรียนรู้ร่วมกัน
แก้ปัญหาร่วมกัน
-
สามารถเรียนได้ดีหากให้โอกาสในการทำงานร่วมกับผู้อื่น
- ยุทธศาสตร์ในการสอนได้แก่การให้ทำงานร่วมกัน
การปฏิสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มเพื่อน การเรียนรู้แบบมีส่วนร่วม การจำลองสถานการณ์
บทบาทสมมุติ การเรียนรู้สู่ชุมชน เป็นต้น
ผู้ที่มีความสามารถทางด้านนี้มีความเหมาะสมที่จะประกอบอาชีพเป็นนักบริหาร
ผู้จัดการ นักธุรกิจ นักการตลาด นักประชาสัมพันธ์ ครู - อาจารย์ เป็นต้น
7. ปัญญาด้านความเข้าใจตนเอง (Intrapersonal Intelligence)
- ชอบอยู่ตามลำพังคนเดียวเงียบ ๆ
คิดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับตนเอง
- ติดตามสิ่งที่ตนเองสนใจเป็นพิเศษ
มีแรงจูงใจสูง
- มีอิสระในความคิด รู้ตัวว่าทำอะไร
และพัฒนาความรู้สึกนึกคิดอยู่เสมอ
-
ชอบใช้เวลาว่างในวันหยุดอยู่คนเดียวมากกว่าที่จะออกไปในที่มีคนมาก ๆ
- เข้าใจตนเอง หมกมุ่นอยู่กับความรู้สึก
ความคิดและการแสดงออกของตัวเอง
-
ชอบทำอะไรด้วยตนเองมากกว่าที่จะคอยให้คนอื่นช่วยเหลือ
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาความสามารถ
- เปิดโอกาสให้ทำงานตามลำพัง
ทำงานคนเดียว อิสระ แยกตัวจากกลุ่มบ้าง
- สอนให้เห็นคุณค่าของตัวเอง
นับถือตัวเอง (self
esteem)
- สนับสนุนให้ทำงานเขียน บันทึกประจำวัน
หรือทำหนังสือ จุลสาร
- สนับสนุนให้ทำโครงงาน การศึกษารายบุคคล
หรือทำรายงานเดี่ยว
- ให้เรียนตามความถนัด ความสนใจ
ตามจังหวะการเรียนเฉพาะตน
- ให้อยู่กับกลุ่ม
ทำงานร่วมกับผู้อื่นบ้าง
-
ยุทธศาสตร์การสอนควรเน้นที่การเปิดโอกาสให้เลือกศึกษาในสิ่งที่สนใจเป็นพิเศษ
การวางแผนชีวิต การทำงานร่วมกับผู้อื่น การศึกษารายบุคคล (Individual Study)
ผู้ที่มีความสามารถทางด้านนี้มีความเหมาะสมที่จะประกอบอาชีพอิสระ
เป็นเจ้าของกิจการ เป็นนายจ้างของตัวเอง นักคิด นักเขียน นักบวช นักปรัชญา
นักจิตวิทยา ครู – อาจารย์ เป็นต้น
8. ปัญญาด้านธรรมชาติวิทยา (Naturalist Intelligence)
- ชอบสัตว์ ชอบเลี้ยงสัตว์
- สนใจสิ่งแวดล้อม ธรรมชาติรอบตัว
- สนใจความเป็นไปในสังคมรอบตัว ชอบศึกษาเรื่องราวของมนุษย์
การดำรงชีวิต จิตวิทยา
-
คิดถึงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อสิ่งแวดล้อม
-
เข้าใจธรรมชาติของพืชและสัตว์ได้เป็นอย่างดี รู้จักชื่อต้นไม้
ดอกไม้หลายชนิด
- ไวต่อความรู้สึก การเปลี่ยนแปลงของดิน
ฟ้า อากาศ
- สามารถปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้ดี
- มีความรู้เรื่องดวงดาว จักรวาล
สนใจวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาความสามารถ
-
ฝึกปฏิบัติงานด้านเกษตรกรรมเกี่ยวกับการปลูกพืชหรือเลี้ยงสัตว์
- ศึกษาสังเกต
บันทึกความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ ลม ฟ้า อากาศ
- จัดกิจกรรมเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมศึกษา
ค่ายสิ่งแวดล้อม ฯลฯ
ผู้ที่มีความสามารถทางด้านนี้มีความเหมาะสมที่จะประกอบอาชีพนักวิทยาศาสตร์
นักสำรวจ นักอนุรักษ์ธรรมชาติ นักสิ่งแวดล้อม ทำฟาร์มเลี้ยงสัตว์ เกษตรกร เป็นต้น
การพัฒนาปัญญาหลายด้านเพื่อการเรียนรู้
มีความสำคัญสำหรับนักเรียน หากมีความเชื่อในเรื่องของ ทฤษฎีพหุปัญญา
ศักยภาพของมนุษย์ และการเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางแล้ว
ครูผู้สอนควรตระหนักถึงการพัฒนาคนของชาติให้มีพัฒนาการเต็มตามศักยภาพ
ทั้งทางร่างกาย สติปัญญา จิตใจ และสังคม
เพื่อที่จะได้เป็นพื้นฐานในการสร้างครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศชาติต่อไป
ครูผู้สอนสามารถสำรวจความสามารถทางสติปัญญาหรืออาจจะเรียกว่าความเก่งตามทฤษฎีพหุปัญญาของนักเรียนเพื่อสนับสนุนข้อมูลการรู้จักนักเรียนเป็นรายบุคคลด้านอื่น
ๆ ในระเบียนสะสมของคุณครู และเพื่อค้นหาจุดเด่น
จุดที่ควรปรับปรุงในตัวของนักเรียนและนำข้อมูลไปพัฒนาการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนเพื่อให้นักเรียนได้พัฒนาไปได้เต็มตามศักยภาพอันพึงมีของแต่ละคน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น